เคมบริดจ์ อ็อกซ์ฟอร์ด ซิดนีย์
ตัวอย่างรายชื่อมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่มีผู้คนจำนวนมากใฝ่ฝันที่จะได้มีโอกาสเข้าเรียน ไม่ได้เป็นเพียงเพราะค่านิยมในสังคม แต่เป็นเพราะมหาวิทยาลัยเหล่านี้มีงานวิจัยและความเชี่ยวชาญเฉพาะในด้านต่างๆที่เป็นที่ประจักษ์ต่อโลกว่า สามารถผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพที่มีความสามารถเฉพาะที่โดดเด่นออกมาเป็นบุคคลากรที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลกได้
ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยซิดนีย์ มีชื่อเสียงโด่งดังมายาวนานกว่า 120 ปี ในงานวิจัยด้านจิตวิทยาและกฎหมาย และเป็นมหาวิทยาลัยเดียวในโลกที่มีคณะจิตวิทยาการเป็นโค้ช ในระดับปริญญาโท เป็นต้น
สำหรับคนไทยแล้ว เราเชื่อว่ามีไม่น้อยที่ใฝ่ฝันว่าจะได้มีโอกาสไปเรียนรู้ประสบการณ์ระดับโลกเพื่อเป็นใบเบิกทางที่สดใสตามสายงานอาชีพที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ ทนายความ นักวิชาการ นักบัญชี นักการเงิน นักธุรกิจ ฯลฯ
ไม่ได้เป็นเพราะว่าเราไม่มีความสามารถหรือประสบการณ์สายตรงวิชาก่อนหน้า (Prerequisite Courses) แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคสำหรับคนไทยก็คือเรื่องของคะแนนสอบ IELTS กฎเกณฑ์เรื่องความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกกำหนดให้มีมาตราฐานสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการแข่งขันที่เกิดจากจำนวนของผู้เข้าสมัครเรียนที่มากขึ้นทุกปี
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในอังกฤษและออสเตรเลีย ได้เพิ่มมาตราฐานระดับคะแนนสอบ IELTS ในการรับสมัครนักศึกษาต่างชาติทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทอย่างต่อเนื่อง
ยกตัวอย่าง เช่น มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ได้เพิ่มกฎเกณฑ์คะแนน IELTS สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี ว่าจะต้องมีคะแนนรวมขั้นต่ำที่ 6.5 และไม่มีพาร์ทไหนที่ต่ำกว่า 6.0 และในระดับปริญญาโท จะต้องมีคะแนนรวมขั้นต่ำที่ 7.0 และไม่มีพาร์ทไหนที่ต่ำกว่า 6.5 เป็นต้น
ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าการเรียนคอร์สติวสอบ IELTS ในเมืองไทย และฝึกฝนทำข้อสอบเป็นระยะเวลา 3 – 6 เดือน ก็จะทำให้สามารถสอบได้คะแนน 6.5 -7.0 ได้ แต่ความจริงแล้วมันอาจจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะระดับคะแนนดังกล่าวเป็นระดับคะแนนที่ต้องมีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีกว่ามาตราฐานเฉลี่ยของนักเรียนไทยอยู่ค่อนข้างมาก
ควรทำความเข้าใจก่อนว่า การเพิ่มคะแนนสอบ IELTS จากระดับ 5.0 ไป 5.5 หรือจาก 5.5 ไป 6.0 นั้นอาจจะใช้เวลาไม่นานและไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไปสำหรับนักเรียนไทยที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งจะแตกต่างจากระดับคะแนน 6.5 - 7.0 โดยสิ้นเชิง เพราะการทำคะแนนสอบ IELTS ให้เกินกว่า 6.0 ขึ้นไปนั้น จะมีความยากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จะต้องใช้เวลาและความพยายามในการฝึกฝนมากขึ้นอย่างมาก
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการคะแนน IELTS 6.5-7.0 ที่จะต้องวางแผนการให้ดี ต้องมองหาสถาบันหรืออาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสอบ IELTS ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะการเพิ่มคะแนนสอบ IELTS ให้เกินกว่าระดับ 6.0 ขึ้นไปนั้น อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้และฝึกฝนยาวนานกว่าที่เราคาดการณ์ไว้
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่.....
.....ต้องการผลสอบ IELTS ที่ 6.5 - 7.0
.....สอบมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังได้แค่ 5.5 หรือ 6.0
.....เคยเรียนกับสถาบันที่มีชื่อเสียงทั้งของไทยและต่างประเทศมาแล้วหลายแห่ง แต่คะแนนก็ยังไม่เพิ่ม
.....เคยไปเรียนภาษาอังกฤษในต่างประเทศมาแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าห่างไกลจาก 7.0 มาก โดยเฉพาะพาร์ท Speaking และ Writing
.....เราช่วยคุณได้
คุณเคยคิดหรือสงสัยมั้ยว่า.....
ทำไมเราเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็ยังไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมเราลงทุนไปเรียนภาษาอังกฤษในศูนย์สอนภาษาที่มีชื่อเสียงทั้งของไทยและต่างประเทศมาแล้วมากมาย แต่ก็ยังรู้สึกว่าเรียนเท่าไหร่ก็ไม่เห็นพัฒนาการที่ชัดเจนซักที
ทำไมคนส่วนใหญ่ที่เคยไปเรียนหรือทำงานในต่างประเทศมาแล้วเป็นปี กลับมาก็ยังรู้ตัวว่าพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดีหรือไม่มีประสิทธิภาพมากพออย่างที่เคยคาดหวังไว้
ปัญหาพื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งของการที่เราไม่สามารถพูดสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างที่เราต้องการซักทีนั้น ก็เป็นเพราะว่า เราไม่รู้ว่าออกเสียงพูดภาษาอังกฤษที่เราเรียนมาตั้งแต่เด็กๆและใช้มาจนถึงทุกวันนี้มันผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงค่อนข้างมาก
อาจารย์ วรวิศุทธ์ วัชระเบญจพัฒน์ ได้คิดค้นหลักสูตร Realistic English คอร์สสร้างทักษะการออกเสียงพูดและฟังภาษาอังกฤษได้เหมือนกับ Native English Speakers ได้ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน คอร์สนี้จะช่วยทำให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงปัญหาที่แท้จริงของการที่เราไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเรียนจบผู้เรียนจะรู้วิธีการและสามารถออกเสียงได้อย่างถูกต้องเหมือนกับเจ้าของภาษาได้จริง ช่วยเพิ่มคะแนนสอบ IELTS Speaking Part ให้ถึงระดับ 6.5-7.0 ได้
|