เรียนIELTSรับรองผลสูงสุดที่6.5-7.0
ReadyPlanet.com

 

ประวัติ Realistic English article

จากคนที่เคยล้มเหลวในการสอบ IELTS ถึง 11 ครั้ง ทั้งในและต่างประเทศ.....จนได้คะแนน IELTS 8.0 

• จากการที่ผมเคยมีความตั้งใจจะเข้าไปเรียนในระดับปริญญาโทสาขา Psychology of Coaching ที่ University of Sydney ซึ่งสาขานี้ต้องใช้ผลสอบ IELTS ที่ 7.0 ผมเรียนจบมัธยมปลายที่รร.อัสสัมชัญพาณิชย์และจบมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ คณะบริหารธุรกิจ ครับ ตอนนั้นผมคิดว่าการกลับมาตั้งใจพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของผมเพื่อให้ได้คะแนนสอบ IELTS 7.0 นั้น ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป ผมจึงได้ไปลงเรียนคอร์สติวสอบ IELTS กับสถาบันที่มีชื่อเสียงหลายแห่งทั้งสถาบันของต่างประเทศและของคนไทยที่โฆษณาว่ารับรองผลคะแนน 6.5 ขึ้นไป เมื่อสอบ IELTS ครั้งแรกผมก็ได้คะแนนรวมที่ 6.0 แล้วครับ ตอนนั้นก็รู้สึกมีกำลังใจว่าสอบครั้งแรกก็ได้ 6.0 แล้ว และคิดว่าถ้าเรียนและฝึกฝนอย่างต่อเนื่องมีเวลาอีกซักหน่อยก็คงไปถึงระดับ IELTS 7.0 ได้ แต่ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ หลังจากที่ผมได้เรียนคอร์สติวสอบ IELTS กับสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับประเทศอีกหลายแห่งและได้สอบ IELTS ไปทั้งหมดอีก 7 ครั้ง รวมใช้เวลาในการเตรียมตัวสอบไปทั้งหมดประมาณ 1 ปีครึ่ง ผลปรากฎว่าคะแนนรวมที่ได้ในการสอบครั้งที่ 8 ยังคงอยู่ที่ 6.0 เท่ากับผลสอบครั้งแรก คือคะแนนรวมไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย

หลังจากที่ได้เสียเวลาและค่าเรียนไปมากมายในการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสอบ IELTS ในเมืองไทยแล้วไม่ได้ผล ผมยังไม่ยอมแพ้ครับ ตอนนั้นผมคิดว่าการไปเรียนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยที่เราจะไปเรียนต่อในต่างประเทศนั้นน่าจะดีกว่าการเรียนคอร์ส IELTS ในเมืองไทยและอาจจะช่วยทำให้เราสอบ IELTS ได้คะแนน 7.0 ได้เร็วขึ้น จึงได้ตัดสินใจสมัครไปเรียน Academic English ที่ University of Sydney เป็นเวลา 6 เดือน  

• การเรียนภาษาอังกฤษในศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัยซิดนีย์เป็นเวลา 6 เดือนนั้น ทำให้ผมเสียค่าใช้จ่ายไปประมาณ 700,000 บาท เป็นค่าคอร์สเรียนประมาณ 350,000 บาท และค่าอาหาร ที่พัก ค่าเดินทางต่างๆ อีกประมาณ 350,000 บาท กับความพยายามตั้งใจเรียนและฝึกฝนอย่างเต็มที่แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ จากที่เคยได้คะแนน IELTS 6.0 ในเมืองไทย มาเป็น 6.5 คือเพิ่มขึ้นมาอีกเพียง 0.5 คะแนน แต่การได้คะแนนเพิ่มขึ้นมา 0.5 ในครั้งนั้น ก็เป็นเพราะว่าผมได้คะแนนในส่วนของพาร์ท Reading และ Listening ที่ 7.0 (ซึ่งจริงๆแล้วบอกได้ว่าการเพิ่มขึ้นของคะแนนในสองพาร์ทนี้เป็นเรื่องปกติก็จะเกิดขึ้นได้กับทุกๆคนที่ฝึกทำแบบฝึกหัดข้อสอบเก่าจากหนังสือ IELTS Exam ของ Cambridge ซึ่งมีอยู่ประมาณ 8 เล่ม) แต่ในส่วนของคะแนน Writing กับ Speaking นั้นยังคงได้แค่ 6.0 เท่าเดิม ประสบการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผมรู้สึกผิดหวังมากๆครับและทำให้ผมได้เข้าใจว่าจริงๆแล้วการเรียนภาษาอังกฤษในศูนย์ภาษาในต่างประเทศนั้น ก็ไม่ได้มีความพิเศษหรือเป็นส่วนสำคัญที่จะพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นอย่างที่เราคาดคิด


• มีความจริงอีกเรื่องหนึ่งที่ผมได้รับรู้มาจากการเรียนคอร์ส IELTS ที่มหาวิทยาลัยซิดนีย์ในครั้งนั้นก็คือ อาจารย์ของทางมหาวิทยาลัยซิดนีย์หลายคนยังยอมรับว่า การที่จะสอบ IELTS ให้ได้ในระดับ 7.0 ถึง 7.5 ตามที่หลายคณะในมหาวิทยาลัยต้องการนั้นสูงเกินไปหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักมาตั้งแต่เกิด เพราะนักเรียนออสเตรเลียเองหรือนักเรียนจากประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษารอง เช่น สิงค์โปร์ มาเลเซีย อินโดนิเซีย หรือ ฟิลิปปินส์ ส่วนใหญ่ก็ยังไม่สามารถทำคะแนนสอบ IELTS ได้ถึง 7.0 เลย ต้องใช้เวลาเรียนและฝึกฝนเป็นปีๆถึงจะได้ แม้กระทั่งตัวอาจารย์ผู้สอนเอง หลายท่านก็ยังยอมรับเองว่า เป็นไปได้ว่าแม้แต่ตัวอาจารย์ผู้สอนเองก็อาจจะไม่สามารถทำคะแนนสอบ IELTS ได้ถึง 7.5 ได้ เนื่องจากการสอบ IELTS นั้นต้องแข่งขันกับเวลาด้วย

• นอกจากนั้นยังมีอาจารย์ที่ผมนับถือและคิดว่าเป็นอาจารย์ที่เก่งที่สุดท่านหนึ่งในศูนย์ภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยซิดนีย์ เธอได้บอกกับผมในตอนที่ผลสอบ IELTS ออกมาที่ 6.5 ว่า เธอเห็นและชื่นชมในความพยายามของผม แต่เธออยากจะบอกกับผมตรงๆด้วยความจริงใจว่า ผมอาจจะไม่มีทางเพิ่มคะแนนสอบ IELTS ไปถึง 7.0 ได้ เนื่องจากเรื่องของอายุที่ค่อนข้างมากแล้ว 



ประสบการณ์แห่งความล้มเหลวในครั้งนั้น ได้ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะเอาชนะภาษาอังกฤษ และหาวิธีการที่เหมาะกับคนไทยที่สุด ที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ Academic English เพื่อการสอบ IELTS ซึ่งจะสามารถช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสอบ IELTS ให้กับผู้ที่ต้องการคะแนนตั้งแต่ 6.5 ขึ้นไป 

ประสบการณ์ความล้มเหลวในครั้งนั้นทำให้ผมได้รู้ว่า ที่จริงแล้วสาเหตุที่สำคัญในการที่เราไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างที่เราต้องการซักทีนั้น ก็เป็นเพราะว่าเราไม่เคยรู้ว่าการออกเสียงภาษาอังกฤษที่เราเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กๆและใช้มาถึงทุกวันนี้นั้น มันผิดไปจากความเป็นจริงค่อนข้างมาก ซึ่งก็มีผลทำให้การฟังนั้นแย่ไปด้วย 

ผมจึงได้พยายามค้นคว้าเรื่องการออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้องตั้งแต่ขึ้นพื้นฐาน คือเริ่มจาก Phonetics และ Sound of English ไปจนถึงหลักเกณฑ์ต่างๆที่สำคัญที่มีผลต่อการออกเสียงพูดและการฟัง เรียกว่าเริ่มต้นเรียนรู้พื้นฐานเรื่องการออกเสียงใหม่ทั้งหมดในระดับตัวอักษรตั้งแต่ A-Z เลย และได้รวบรวมเรียบเรียงจากประสบการณ์ของผมเองว่า เราต้องการอะไรบ้างเพื่อจะทำให้เราสามารถเอาชนะภาษาอังกฤษในระดับ IELTS 7.0 ได้ จนได้สร้างคอร์ส Realistic English ขึ้นมา 



หลังจากนั้นผมจึงได้ฝึกฝนตัวเองตามหลักการต่างๆในคอร์ส โดยใช้เวลาแค่ประมาณ 3 เดือน ก็สามารถทำคะแนนสอบ IELTS Speaking ได้ถึง 7.0 ได้เป็นครั้งแรกด้วยตัวเอง คือไม่มีการไปเรียนติวสอบที่ไหนอีก และใช้เวลาอีกไม่นานก็สามารถพัฒนาขึ้นมาถึงระดับ IELTS 8.0 ได้ 

หลังจากนั้น ผมจึงได้เริ่มเปิดสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสอบ IELTS และการออกเสียงพูดและฟังภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง และใช้ชื่อว่า Realistic English ขึ้นมา และได้ใช้เวลากว่า 4 ปีในการพิสูจน์ประสิทธิภาพของคอร์สนี้ โดยการช่วยให้นักเรียนที่มีความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะสอบ IELTS ให้ได้ 7.0 เพื่อที่จะไปเรียนต่อในคณะและมหาวิทยาลัยในต่างประเทศที่ต้องการ ซึ่งก็คิดว่าประสบผลสำเร็จได้ดีในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว นักเรียนจะสามารถเพิ่มคะแนนสอบได้ถึง 0.5-1.0 คะแนน ภายในระยะเวลาเพียง 15 ชั่วโมงเรียน สำหรับพาร์ท Writing และ Speaking และ 6 ชั่วโมงเรียนสำหรับพาร์ท Listening และ Reading

ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านมาถึงตรงนี้นะครับ หวังว่าเรื่องราวประสบการณ์ของผมทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านที่วางแผนจะสอบ IELTS เพื่อให้ได้คะแนนระดับ 6.5 ขึ้นไป ไม่มากก็น้อยครับ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านสามารถเอาชนะการสอบ IELTS และใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตามที่ท่านต้องการครับ



 

INTENSIVE REALISTIC ENGLISH PROGRAM
ผู้บริหารระดับสูงโรงพยาบาลพญาไทและโรงพยาบาลเปาโล